การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรจะทำทุกๆ 3 ปี เพราะหากตรวจเจอเชื้อขึ้นมา ก็จะสามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่หลายๆ คนก็อาจจะคิดว่าการตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้นน่ากลัว แต่บอกเลยว่าการตรวจมะเร็งปากมดลูกนั้นใช้เวลาไม่นาน แถมยังไม่เจ็บ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครหลายคนคิดเลย ซึ่งในบทความนี้เราก็จะมาแนะนำ 3 วิธีการตรวจไว้ให้ทุกคนได้รู้จักและศึกษา เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกวิธีการตรวจกันได้ง่ายขึ้น
- ตรวจแบบ Pap Smear
สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบแรกก็คือการตรวจโดยการใช้ไม้แหย่เข้าไปเก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก หรือที่เรียกกันว่าเป็นการตรวจแบบ Pap Smear จากนั้นเมื่อได้เนื้อเยื่อมาแล้วก็จะนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ ข้อดีของการตรวจประเภทนี้ก็คือสามารถทำได้ง่าย และรวดเร็ว แถมยังไม่เจ็บอีกด้วย แต่จะมีความแม่นยำอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น
- ตรวจแบบ ThinPrep
ส่วนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบ ThinPrep จะเป็นการตรวจที่คล้ายๆ การตรวจแบบ Pap Smear เนื่องจากพัฒนามาจากการตรวจแบบ Pap Smear แต่จะมีความแม่นยำมากกว่าถึง 90-95% เลยทีเดียว โดยแพทย์จะทำการเก็บเซลล์ที่บริเวณปากมดลูก จากนั้นก็จะทำการหยดน้ำยาตินเพร็พลงไป - ตรวจแบบ ThinPrep และ HPV DNA Test
หากคุณต้องการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบที่แม่นยำที่สุด แต่อาจมีราคาสูงกว่าการตรวจประเภทอื่นเล็กน้อยก็ควรจะเลือกตรวจแบบ ThinPrep และ HPV DNA Test โดยวิธีนี้จะเป็นการตรวจร่วมกับการตรวจ DNA เพื่อหาเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง
การจะเลือกตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบไหนนั้น แนะนำว่าควรจะให้แพทย์ทำการประเมินก่อนก็จะดีที่สุด เพราะแต่ละคนอาจมีข้อจำกัดหรือความเสี่ยงต่างกัน แต่หากต้องการตรวจแบบแม่นยำที่สุด เราก็แนะนำว่าให้ทำการตรวจแบบ ThinPrep และ HPV DNA Test